ค่ายคนพันธุ์ครู EDU CAMP ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 5-8 มกราคม 2567 ที่ขับเคลื่อนโดย สโมสรนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) มีวัตถุประสงค์โดยรวม คือ การแนะแนวการศึกษาต่อให้กับนักเรียนมัธยมปลายจากทั่วประเทศไทย
จะว่าไปแล้ว มองผิวเผินก็เป็นกิจกรรมแนะแนวการศึกษาจริงๆ นั่นแหละครับ เป็นการแนะแนวการศึกษาที่ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์คณะศึกษาศาสตร์ ของ “มมส” หรือเรียกได้ง่ายๆ ก็คือการเชื้อเชิญให้นักเรียนได้เข้ามาเรียนรู้ตัวตนของ มมส –
เป็นการเรียนรู้เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะเข้าสู่การบ่มเพาะความเป็นแม่พิมพ์ของชาติผ่านระบบ กลไกของ “มมส” หรือไม่
คำว่ามองผิวเผินในมุมของผม หมายถึง เป็นการแนะแนวการศึกษา ที่ประกอบด้วยกิจกรรมอันเป็น “ขนบนิยม” ทั่วไป เป็นต้นว่า เทคนิคการทำข้อสอบ เทคนิคการสอบสัมภาษณ์ เทคนิคการนำแฟ้มประวัติ (Portfolio) การทำแผนการสอน การทดสอบการสอน
แต่ในความเป็นจริง นอกจากกิจกรรมอันเป็นขนบนิยมข้างต้น กลับกลายพบว่า นิสิตได้ออกแบบกิจกรรมในลักษณะของ “ค่าย” อย่างน่าสนใจ ไม่ใช่แค่มุ่งเน้นการแนะแนวการศึกษาเท่านั้น แต่บูรณาการกิจกรรมต่างๆ เข้ามาอีกหลายกิจกรรม บนฐานคิดสำคัญๆ เช่น
ซึ่งมีกิจกรรมอื่นๆ ผสมผสานเข้ามา เช่น ลักเลาะ มมส. (เยี่ยมชมมหาวิทยาลัยฯ) กีฬาฮาเฮ สันทนาการ ทำบุญตักบาตร บำเพ็ญประโยขชน์ เรียกได้ว่า มาเข้าค่ายครั้งนี้ ไม่เพียงมารับความรู้ หรือมารับแรงบันดาลใจ ตลอดจนการค้นหาตัวตนของตัวเองเท่านั้น แต่ยังหมายถึงนักเรียนได้มาเรียนรู้ความเป็น “ชีวิต” - มาเรียนรู้ “เครือข่ายชีวิต” หรือ “เครือข่ายทางการศึกษา” ไปในตัว
เป็นครือข่ายในมิติ นิสิตกับนักเรียน นักเรียนกับนักเรียน ทะลุถึงเครือข่ายบุคลากรทางการศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยกับโรงเรียนไปในตัวอย่างเสร็จสรรพ
โดยส่วนตัวของผม – ผมมองว่ากิจกรรมครั้งนี้ มององค์รวมมี 2 มิติใหญ่ๆ คือการแนะแนวการศึกษา และการ “เปิดบ้าน” ให้นักเรียนเข้ามาสัมผัสตัวตนของมหาวิทยาลัย นั่นเอง เป็นการมาสัมผัสด้วยตนเอง ก่อนตัดสินใจว่าจะเลือก “มมส” เป็นชานชลาทางการศึกษา หรือจะไปต่อที่ไหน อย่างไร –
ความน่าสนใจของค่ายEDU CAMP นี้ ผมมองว่า นิสิตที่ขับเคลื่อนงานนี้ชาญฉลาดไม่ใช่ย่อย ไม่ต้องเสียเวลาออกไปตระเวนแนะแนวการศึกษา หรือประชาสัมพันธ์ความเป็น “มมส” ให้เปลืองงบ เปลืองเวลา แต่เลือกที่จะ “เปิดบ้าน” ให้นักเรียนที่สนใจเข้ามาดูสถานที่จริง มาใช้ชีวิตกับพี่นิสิต มาสร้างเครือข่ายร่วมกันทั้งนิสิต นักเรียน ครู ผู้บริหารคณะ อาจารย์ เจ้าหน้าที่
ตรงนี้ คือ มนต์เสน่ห์ เพราะเป็นการมาแตะต้องสัมผัสความจริง ด้วยหัวใจร่วมกัน ยิ่งคณะมีเครดิตในทางวิชาชีพของการปั้นแม่พิมพ์ของชาติอยู่แล้ว ยิ่งน่าสนใจ
ใช่ครับ - ยิ่งมีรูปแบบอันหลากหลาย ยิ่งน่าสนใจ
ถึงแม้ว่า ผมจะยังไม่มั่นใจในเชิงลึกว่า แต่ละกิจกรรม ทะลุมรรคผลกี่มากน้อย เพราะไม่ได้เข้าไปฝังลึกด้วยตนเอง แต่ก็กล้ายืนยันว่า กิจกรรมนี้น่าสนใจมาก มีทั้งวิชาการ ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม บำเพ็ญประโยชน์ นันทนาการ ฯลฯ เรียกได้ว่า ครบรส แบบ 4 In 1
ถึงจะไม่มั่นใจว่า EDU CAMP บรรลุเป้าประสงค์เชิงลึกกี่มากน้อย แต่ก็เชื่อว่า นักเรียนที่เข้าร่วมค่าย ย่อมได้เรียนรู้อะไรมากมายพอตัว ไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจในการศึกษาเล่าเรียน ทัศนคติและความรู้พื้นฐานของการจะเป็นครู การเข้าใจตัวตนของตนเอง ทักษะการใช้ชีวิตและทำงานร่วมกับผู้คน ฯลฯ
ในส่วนของนิสิต ที่หมายถึง คณะกรรมการดำเนินงาน ผมมองว่า นิสิตได้เรียนรู้ Soft skills & Hard skills อย่างไม่ต้องสงสัย
กรณี Soft skills ดูกันง่ายๆ ก็หมายถึง การทำงานเป็นทีม การประสานงาน การสื่อสารสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การทำงานแบบยืดหยุ่นการวางแผน - การลำดับความสำคัญ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ ผมเชื่อว่าเป็นโจทย์ที่นิสิตจะได้เรียนรู้ หรือถูกบ่มเพาะอย่างแน่นอน
ส่วน Hard skills นิสิตได้ฝึกทักษะเกี่ยวกับวิชาชีพครูด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบกิจกรรม ที่หมายถึงเขียนแผนกิจกรรม ประดุจเขียนแผนการสอน การจัดการเรียนรู้/การสอน /การถ่ายทอด การวิเคราะห์ผู้เรียน การวัดผลการเรียนรู้ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ คือทักษะทางวิชาชีพอย่างไม่ต้องสงสัย
ผมไม่แน่ใจว่าค่ายครั้งนี้ มีกิจกรรมระหว่าง ครู กับ อาจารย์ของ มมส หรือไม่ ถ้ามีในแบบทั่วไป หรือ เป็นลักษณะอบรม - บริการวิชาการแก่สังคมในตัวก็ถือว่า "เยี่ยม"
ย้ำว่า "เยี่ยม" เพราะคณะครูที่มาก็กลับไปพร้อมกับชุดความรู้ โปรไฟล์ เหมือนครูมาอบรม มาพัฒนาศักยภาพตัวเองไปในตัว
ผมยืนยันว่า ชื่นชม EDU CAMP นะครับ และเชื่อว่าหลายๆ คณะ หรือหลายๆ มหาวิทยาลัยก็มีกิจกรรมในทำนองนี้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่า จะจัดในภาพรวมมหาวิทยาลัย หรือแยกย่อยรายสาขา รายคณะ หรือแม้แต่ท่องสัญจรออกไปเยือนโรงเรียนต่างๆ ก็เถอะ
โดยส่วนตัวของผมนะครับ - กรณี “มมส.” ถ้ามีอยู่แล้ว ผมก็อยากให้ทำให้เข้มแข็ง เพราะเป็นการฝึกนิสิตในห้องเรียน หรือบ้านของเราเอง เป็นกิจกรรมการบอกรัก มมส ที่งดงาม และน่าสนใจ ยิ่งการนำพานักเรียนและคณะครูเข้ามาร่วมค่ายตรงนี้ นิสิตย่อมได้เข้าร่วมมากกว่าการตระเวนออกไปไกลๆ ที่ไปได้เพียงไม่กี่คน .... แต่มิได้หมายความ ผมไม่เห็นด้วยกับการ "ออกไปแนะแนวการศึกษา" นะครับ
เพียงแต่จะจะยืนยันว่า กิจกรรม “เปิดบ้าน” เพื่อ “แนะแนวการศึกษา” ในลักษณะค่ายเช่นนี้ เป็นสิ่งน่าสนใจ อย่างน้อยนิสิตและนักเรียนก็ได้เรียนรู้อะไรๆ มากมายไปด้วยกัน
ภาพ : สโมสรนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ไม่มีความเห็น